รายละเอียด
ชื่อวิทยาศาสตร์ของสมุนไพรรางจืด : Thumbergia laurifolia Lindl.
ชื่อวงศ์ของสมุนไพรรางจืด : Acanthaceae
ชื่ออื่นของสมุนไพรรางจืด : กำลังช้างเผือก ขอบชะนาง เครือเขาเขียว ยาเขียว คาย รางเย็น จอลอดิเออ ซั้งกะ ปั้งกะล่ะ พอหน่อเตอ ดุเหว่า ทิดพุด น้ำนอง ย่ำแย้ แอดแอ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของสมุนไพรรางจืด : ไม้เลื้อย/ไม้เถา เนื้อแข็ง ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนเว้า มีเส้น 3 เส้นออกจากโคนใบ ดอก มีสีม่วงอมฟ้า ออกเป็นช่อห้อยลงตามซอกใบ ใบประดับสีเขียวประแดง กลีบเลี้ยงรูปจาน ดอกรูปแตรสั้น โคนกลีบดอกสีเหลืองอ่อน เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 4 อันผล เป็นฝักกลม ปลายเป็นจะงอย เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก
สรรพคุณของสมุนไพรรางจืด :
– รับประทานแก้ร้อนใน กระหายน้ำ
– ใช้ปรุงเป็นยาถอนพิษไข้ เป็นยาพอกบาดแผล น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ทำลายพิษยาฆ่าแมลง พิษจากสตริกนินให้เป็นกลาง พิษจากดื่มเหล้ามากเกินไป หรือยาเบื่อชนิดต่างๆ เข้าสู่ร่างกายโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เช่น ติดอยู่ในฝักผลไม้ที่รับประทาน เมื่ออยู่ในสถานที่ห่างไกล การนำส่งแพทย์ต้องใช้เวลา อาจทำให้คนไข้ถึงแก่ชีวิตได้ นำต้นรางจืดมาใช้เป็นยาบรรเทาพิษเฉพาะหน้าก่อนนำส่งโรงพยาบาล
ในปัจจุบัน โลกของเราได้เจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านเทคโนโลยีและด้านการอุปโภค บริโภค ส่งผลให้การดำรงชีวิตของมนุษย์เราเป็นไปอย่างสะดวกสบายขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่คนเรามองข้ามและยากที่จะแก้ไข ก็คือมลภาวะอันเป็นพิษที่เกิดขึ้นรอบๆตัว การผลิตสารเคมีขึ้นทดแทนวัตถุดิบธรรมชาติที่มีทั้งคุณและโทษ โดยเฉพาะในด้านอาหารการกิน เช่น ปัญหาสารพิษตกค้างในพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่แทบทุกชนิด เมื่อกินเข้าไปทุกวันก็จะเกิดการสะสมสารพิษในร่างกายก่อให้เกิดโรคภัยและอันตรายในภายหลังถึงแม้ว่าการแพทย์จะเจริญขึ้น การปลูกถ่ายอวัยวะต่างๆ สามารถทำได้ แต่ก็ยากที่จะทำเทียมขึ้นให้ได้ประสิทธิภาพเต็มร้อย และที่สำคัญก็คือค่าใช้จ่ายในการรักษา ค่ายา ซึ่งก็คงจะแพงไปตามยุคของนานาเทคโนโลยี แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีของมนุษย์เราที่
ธรรมชาติได้สร้างสมุนไพรมหัศจรรย์ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถช่วยในการถอนพิษและขับล้างสารพิษออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องพึ่งมือหมอ ซึ่งก็คือ สมุนไพรรางจืด
ผลวิจัยย้ำ “สมุนไพรรางจืด” ช่วยลดปริมาณสารพิษในเลือดได้จริง หลังตรวจหาปริมาณสารพิษในเลือดเกษตรกรก่อนและหลังทดลอง
นางสุวารี ศรีแสง นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รพ.สต.คำขวาง จ.อุบลราชธานี นำเสนอผลงานวิชาการเรื่อง “ประสิทธิผลของสมุนไพรรางจืดต่อการลดระดับสารเคมีในเลือดของเกษตรกร ต.คำขวาง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี” ในการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2556 ว่า เกษตรกรในพื้นที่มีปริมาณสารเคมีตกค้างในระดับไม่ปลอดภัยร้อยละ 39.84 โดยเกษตรกรได้นำสมุนไพรรางจืด และใบเตยหอมมาชงเพื่อขับพิษ แต่เนื่องจากยังไม่มีการทดสอบทางวิชาการ การวิจัยครั้งนี้จึงทำเพื่อศึกษาประสิทธิผลของชารางจืดต่อการลดระดับสารเคมีในเลือด ทั้งนี้ การศึกษาได้แบ่งกลุ่มตัวอย่างเพื่อวัดผลก่อนและหลังในเกษตรกรที่มีระดับสารเคมีตกค้างไม่ปลอดภัยจำนวน 60 คน ด้วยการเก็บข้อมูลและตรวจวัดระดับสารเคมีในเลือดก่อนและหลังทดลอง โดยการต้มสมุนไพรรางจืดดื่ม เช้า-เย็น ครั้งละ 1แก้ว ติดต่อกันเป็นเวลา 1เดือน
นางสุวารี กล่าวต่อว่า ผลการศึกษาพบว่า การดื่มสมุนไพรรางจืดเป็นระยะเวลา 30 วัน เมื่อตรวจหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส พบว่า อยู่ในระดับที่ปกติและปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 93.33 และยังได้ทำการทดสอบความแตกต่างผลการตรวจโคลีน พบว่าก่อนและหลังทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งสามารถสรุปผลการทดลองได้ว่า ชสมุนไพรรางจืดนั้น มีประสิทธิผลต่อการลดระดับสารเคมีในเลือดได้จริง โดยการควบคุมวิธีการผลิต และกำกับการดื่มอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่จำเป็น รวมทั้งต้องทำควบคู่กับการสร้างความตระหนักถึงอันตรายที่จะได้รับจากสารเคมี รวมทั้งควรส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนเพื่อลดปริมาณการใช้สารเคมีลง
คำเตือน : การใช้รางจืดสำหรับถอนพิษยาฆ่าแมลง ยาพิษและสตริกนินนั้น ต้องใช้ยาเร็วที่สุดเท่าที่จำทำได้ จึงจะได้ผลดี ถ้าพิษยาซึมเข้าสู่ร่างกายมากแล้ว หรือทิ้งไว้ข้ามคืน รางจืดจะได้ผลน้อยลง