รายละเอียด
ชื่อวิทยาศาสตร์ของสมุนไพรใบบัวบก :Centella asiatica (L.) Urban.
ชื่ออังกฤษของสมุนไพรใบบัวบก : Gotu kola
ชื่ออื่นๆของสมุนไพรใบบัวบก : ผักแว่นผักหนอกกะโต่
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ชื่ออื่นๆของสมุนไพรใบบัวบก :
เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นฉุน มีรสขมหวาน
สรรพคุณทางยาของสมุนไพรใบบัวบก :
แก้เจ็บคอ ทำให้มีความสดชื่น แก้ช้ำใน ชุ่มคอ แก้โรคความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย กระหายน้ำ ช่วยขับปัสสาวะ รักษาบาดแผล แก้ปวดเมื่อย โรคเรื้อน กามโรค ตับอักเสบ แก้บิด แก้ไข้ ลดอาการปวดศีรษะ
คุณค่าทางโภชนาการของใบบัวบก 100 กรัม
จะให้พลังงานต่อร่างกาย ประมาณ 44 กิโลแคลอรี่
ซึ่งประกอบด้วยส่วนประกอบ ดังนี้
น้ำ 86.0 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 7.1 กรัม
โปรตีน 1.8 กรัม
ไขมัน 0.9 กรัม
เส้นใย 2.6 กรัม
แคลเซียม 146 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 130 มิลลิกรัม
เหล็ก 3.9 มิลลิกรัม
วิตามิน เอ 10.962 IU
วิตามินบี 1 0.24 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.09 มิลลิกรัม
ไนอาซีน 0.8 มิลลิกรัม
วิตามินซี 4 มิลลิกรัม
การทำน้ำสมุนไพรใบบัวบก
นำใบบัวบกใส่น้ำสะอาดที่ใช้ดื่มลงไปผสม ปั่นให้ละเอียดกรองกากใบบัวบกด้วยผ้าขาวบาง บีบน้ำใบบัวบกใส่ภาชนะซึ่งเป็นชามแก้ว หรือชามพลาสติกก็ได้
กรอกน้ำใบบัวบกที่กรองแล้วลงในขวดเปล่าที่ล้างสะอาด ใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสีซัก 1-2 ช้อนโต๊ะ (อย่าให้หวานมาก) เขย่าให้น้ำตาลละลายดีในน้ำใบบัวบกตั้งทิ้งไว้สักครู่
นำน้ำใบบัวบกที่บรรจุขวดดังกล่าวใส่ตู้เย็น ควรดื่มให้หมดใน 2-3วัน ไม่ควรเก็บไว้นานเพราะไม่ได้ใส่สารกันบูด น้ำใบบัวบกอาจเสียได้
เท่านี้ท่านก็จะได้ น้ำสมุนไพรใบบัวบกที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของท่าน
สรรพคุณของสมุนไพรใบบัวบกและประโยชน์ของสมุนไพรใบบัวบก นั้นมีมากกว่านี้อีกนั่นคือ สรรพคุณในการบำรุงสมอง ไม่แพ้แปะก๊วยอันเป็นที่นิยมและมีการรณรงค์ให้ปลูกแปะก๊วยกันในทุกภาคของไทย
ในตำราไทยกล่าวว่า บัวบกมีรสเฝื่อน ขม เย็น เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ท้องเสียหรือบิด แก้ลม แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า เป็นยาบำรุงกำลัง ยาอายุวัฒนะ
จากงานศึกษาวิจัยพบว่า บัวบกมีฤทธิ์เช่นเดียวกับแปะก๊วยในการบำรุงสมอง กล่าวคือ เพิ่มความสามารถความจำและการเรียนรู้ มีการจดสิทธิบัตรสารสกัดในบัวบกด้านคุณสมบัติช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ นอกจากนี้ยังมีการทดลองในสัตว์ด้วย ซึ่งพบว่า บัวบกทำให้ลูกหนูมีความจำและความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น ทำให้เซลล์สมองของหนูแรกเกิดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความฉลาด ส่วน hippocampal CA3 และแขนงนำสัญญาณประสาทของสมองส่วนที่เรียกว่า อมิกดาลา (amygdala) ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมเหตุผลและอารมณ์ มีการพัฒนาการที่ดีกว่าหนูในกลุ่มควบคุม ทำให้ปฏิภาณไหวพริบในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางของหนูดีขึ้น ตลอดจนยังเพิ่มสมาธิและความสามารถในการตัดสินใจเฉพาะหน้าในหนูได้อีกด้วย
ส่วนการศึกษาในมนุษย์พบว่า เด็กปัญญาอ่อนที่กินบัวบกวันละ 500 มิลลิกรัมติดต่อกันสามเดือนมีความสามารถเรียนรู้ได้ดีกว่ากลุ่มควบคุม ส่วนการศึกษาในระดับเซลล์ถึงกลไกการออกฤทธิ์บำรุงสมองพบว่า บัวบกทำให้การหายใจในระดับเซลล์ของสมองดีขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเสื่อมของเซลล์สมอง คงสภาพปริมาณของสารสื่อประสาท acetylcholine ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของสมอง เสริมฤทธิ์การทำงานของสาร กาบาซึ่งเป็นสารสื่อประสาททำหน้าที่รักษาสมดุลของจิตใจทำให้ผ่อนคลายและหลับได้ง่าย นอกจากนี้บัวบกยังทำให้หลอดเลือดมีความแข็งแรงและสามารถนำเลือดไปเลี้ยงในอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้น เป็นต้น
จากผลการศึกษาวิจัยดังกล่าว ทำให้บัวบกมีแนวโน้มจะใช้เป็นอาหารเพิ่มไอคิว เพิ่มความฉลาด เพิ่มความสามารถในการจำและการเรียนรู้ในเด็ก โดยเฉพาะในเด็กปัญญาอ่อนรวมไปถึงการใช้ในเด็กสมาธิสั้น เนื่องจากบัวบกทำให้สารในสมองมีความสมดุล คือ มีความสงบผ่อนคลาย และการเพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมองทำให้เกิดความสามารถในเรียนรู้ได้ดีขึ้น ส่วนในคนทั่วไปบัวบกจะช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมในวัยชราหรืออัลไซเมอร์รวมทั้งช่วยคลายเครียด ทำให้มีสมาธิในการทำงานอีกด้วย
รักษาบาดแผล เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของสมอง รักษาโรคผิวหนัง เช่น โรคเรื้อนและโรคสะเก็ดเงิน จนมีเรื่องเล่าขานว่าแพทย์จีนโบราณท่านหนึ่งมีอายุยืนยาวถึง 200 ปี เพราะการกินสมุนไพรบัวบกเป็นประจำ
บัวบกจึงได้สมญานามว่า “ยาสุดยอดแห่งชีวิต”
มีการเล่าขานเกี่ยวกับสรรพคุณการรักษาโรคของบัวบกมากมาย ในการรักษาการติดเชื้อของไวรัสตับอักเสบ กระเพาะอาหารเป็นแผล การอ่อนล้าของระบบประสาทส่วนกลาง โรคลมชัก ท้องเสีย ตัวร้อน และท้องอืด รวมทั้งโรคผิวหนัง และอาการปวดข้อรูมาตอยด์
บันทึก “บัวบก” ของตำราแพทย์แผนจีน
บัวบกมีรสขม เผ็ด ฤทธิ์เย็น เข้าเส้นลมปราณ หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต อวัยวะจั้ง (อวัยวะตัน) ทั้ง 5 ของร่างกาย
สรรพคุณบัวบก
1.ขับร้อน ขับชื้น
เนื่องจากรสขม ฤทธิ์เย็น ขมสามารถสลายชื้น เย็นสามารถขับร้อนได้ ดังนั้น โรคที่มีสาเหตุจากความชื้นกับความร้อนร่วมกัน เกิดการอุดกั้น จึงสามารถใช้บัวบกรักษาได้
ดีซ่าน ในทัศนะแพทย์แผนจีนเกิดจากภาวะร้อนขึ้น เมื่อความชื้นตกค้างในทางเดินอาหารไม่สามารถขับทิ้ง เกิดการอุดกั้นสะสมความร้อน จึงเกิดการรวมตัว เช่น เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีอักเสบ ฯลฯ หลักการรักษาดีซ่านใน จินคุ้ยเอี่ยวเลี้ย กล่าวไว้ว่า
“โรคดีซ่านทั้งหลาย ให้ขับทางปัสสาวะ” ให้ขับไฟด้านบน ขับชื้นด้านล่าง (ปัสสาวะ) ทำให้เสียชี่ (สิ่งก่อโรค) ออกทางปัสสาวะ ถ้าร้อนชื้นหาย ดีซ่านก็จะหาย
ท้องเสียในฤดูร้อน ฤดูร้อนมีอากาศร้อน มักมีความชื้นเข้าเกี่ยวข้องช่วงอากาศร้อนบริโภคของเย็นอาหารดิบมากเกินไป ทำให้เกิดความร้อนชื้น ปิดกั้นกระเพาะอาหารและลำไส้ เกิดอาการท้องเสีย ถ้าขจัดความร้อนชื้นออกไป ท้องเสียก็จะหยุด
นิ่วทางเดินปัสสาวะ เกิดจากความร้อนชื้นของทางเดินปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะแสบขัด มีการอักเสบมีการสะสมตัวเป็นก้อนนิ่วเล็ก ๆ ได้ การใช้บัวบกจึงเหมาะในการขับความร้อนชื้นทางเดินปัสสาวะ
โรคบิด อาการปวดเบ่งอุจจาระ หรือมีมูกมีเลือดปน เรียกว่ามีภาวะร้อนชื้นของลำไส้ บัวบกมีฤทธิ์เย็นรสขม เหมาะสำหรับการรักษาโรคบิด
2.ระบายร้อนขับไฟ
ไฟและความร้อนเป็นพลังหยาง มีสาเหตุจากภายนอก (ความร้อนของอากาศ สิ่งแวดล้อม) และจากความร้อน (ไฟ) ที่เกิดภายในร่างกาย ความร้อนเหล่านี้ก่อให้เกิดอาการไข้ ตัวร้อน กระหายน้ำ เช่น การติดเชื้อทางเดินอาหารแล้วมีการอักเสบไข้สูง (แผนปัจจุบัน) ตาอักเสบบวมแดงรวมทั้งการอักเสบของผิวหนัง เช่น ไฟลามทุ่ง เป็นต้น
อากาศร้อนในฤดูร้อน ทำให้เกิดไข้ อักเสบตัวร้อน กระหายน้ำเหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย พิษร้อนสะสมภายใน คือเสียชี่ (สิ่งก่อโรค) เข้าสู่ระดับชี่ การใช้บัวบกที่มีฤทธิ์เย็นรสขม จึงช่วยระบายความร้อนการอักเสบในฤดูร้อนได้ดี
ตาอักเสบบวมแดง เนื่องจากตับเปิดทวารที่ตา คือ โรคของตาอักเสบบวมแดง เกิดจากไฟตับขั้นสูงเบื้องบน ทำให้ระคายเคืองตา แพ้แสง คอขม คอแห้งปวดแน่นชายโครง ลิ้นแดง ปัสสาวะสีเข้ม ชีพจรเต้นเร็วการรักษาด้วยบัวบก จึงช่วยขับระบายไฟตับ
ไฟลามทุ่ง ผิวหนังอักเสบ เนื่องจากความร้อนที่รุนแรงเข้าสู่ระดับเลือด มีการปิดกั้นของความร้อนที่ผิวหนังในหนังสือ ถังเปิ่นเฉ่า บันทึกไว้ว่า “เอาบัวบกตำ และพอกรักษาความร้อนบวมของไฟลามทุ่ง” การกินบัวบก และการพอกภายนอกจะระบายความร้อน ขับไฟทะลวงซานเจียว ด้านบนวิ่งไปปอด ตรงกลางวิ่งไปม้าม กระเพาะอาหาร ด้านล่างวิ่งไป ไต ทำให้เลือดเย็นลดบวม ทะลวงความร้อนออกภายนอก ไฟลามทุ่งจะหายไปเอง
3.ลดบวมขับพิษ
เนื่องจากฤทธิ์เย็นและทำให้เลือดเย็น มีสรรพคุณขับไฟ ระบายความร้อน ระดับชี่ ระดับเลือด
รักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ลดอาการอักเสบ บวม สลายก้อนทำให้เลือดเบา
รักษาอาการเจ็บคอ กลืนลำบาก หรือคอเป็นหนอง ซึ่งแพทย์จีนหมายถึง ภาวะปอดร้อน บัวบกมีฤทธิ์เย็นสามารถขับความร้อนและพิษที่สะสมที่ปอดได้
บาดเจ็บช้ำในจากการกระทบกระแทก ใช้บัวบกตำละเอียดเฉพาะที่และกิน จะสลายภาวะเลือดอุดกั้นคั่งค้างทำให้ลดบวม ระงับการอักเสบปวดบวม
4.ทำให้เลือดเย็นหยุดเลือด
บัวบกมีสรรพคุณทำให้เลือดเย็นและสามารถหยุดเลือดได้ ทำให้เลือดเดินแต่เลือดไม่ออกจากเส้นเลือดทั้งทำให้เลือดเย็น หยุดเลือดและสลายเลือดทั้ง 2 ด้าน จึงนำมารักษาภาวะเลือดออก เช่น ไอเป็นเลือด เลือดกำเดาออก อาเจียนเป็นเลือด
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอาการเลือดออกดังกล่าว ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัดเสียก่อน
5.ขับลม ขับพิษ
โรคผิวหนัง เช่น หัด หิด แพทย์จีนมองว่าเกี่ยวข้องกับลมความร้อนที่มากระทบ เกิดการอุดกั้นบริเวณผิวหนังทำให้เกิดผื่นคัน
หัด หรือไข้ที่มีผื่นร่วมด้วย จัดเป็นพิษร้อนจากภายนอกที่มากระทบร่างกาย และปิดกั้นอยู่บริเวณผิวหนังการขับพิษ ขับร้อน กระจายลมร้อนบริเวณผิวหนัง และทำให้เลือดเย็น สามารถรักษาโรคที่มีผื่นการติดเชื้อเช่นโรคหัดได้
หิด เป็นผิวหนังอักเสบ คัน มีตุ่มน้ำใส ๆ บางตำแหน่งหลังเกาแล้วจะเป็นแบบแห้ง จัดเป็นภาวะร้อนชื้นประเภทหนึ่ง ความขมของบัวบกจะสลายชื้น ฤทธิ์เย็นจะขับพิษ
6.ทำให้ก้อนนิ่มสลายการก่อตัวของก้อน
ก้อนต่าง ๆ รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองโต ก้างปลาติดคอสามารถใช้คุณสมบัติในการทำให้เลือดเดิน กระจายเลือดที่เกาะตัว ทำให้ก้อนนิ่มสลายก้อนได้
สูตรสมุนไพรใบบัวบก ลดรอยตีนกา
นำใบบัวบกมาปั่นรวมกับน้ำสะอาดจนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกันจะได้เนื้อครีมข้นและเหนียวใช้สำหรับนำมาพอกหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้เต่งตึงไร้ริ้วรอย เพราะใบบัวบกมีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินให้ทำงานได้ดีขึ้น จะรู้สึกถึงผิวหน้าที่สดชื่นและเต่งตึงขึ้นด้วย ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
สูตรสมุนไพรใบบัวบกกับ การรักษาสิว
อีกหนึ่งสรรพคุณของสมุนไพรใบบัวบกคือสรรพคุณเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้ใบบัวบกช่วยรักษาสิว จุดด่างดำ ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเกิดจากการบีบสิว กดสิว เค้นสิว หรือแม้กระทั่งรอยตีนกาก็สามารถช่วยให้ลดลงได้ ในใบบัวบกมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งจากภายในและภายนอก สารที่ช่วยในการรักษาสิวที่เด่นๆนั้นคือ สารไกลโคไซด์(Glucosides) ซึ่งได้รับการทดลองมาแล้วว่าช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และที่สำคัญสามารถช่วยผิวฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจน อิลาสติน ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ถูกทำลายเวลาที่เกิดรอยแผลสิว หรือริ้วรอยของวัย ให้เพิ่มมากขึ้นทดแทนชั้นผิวที่ถูกทำลายไป ใบบัวบกจึงสามารถใช้รักษาจุดด่างดำจากสิว รอยแดง รวมไปถึงริ้วรอยของวัยได้อีกด้วย
นอกจากนี้สารในใบบัวบกยังสามารถต้านพวกเชื้อจุลินทรีย์ได้ดีอีกด้วย เช่น การต้านเชื้อ S.aureus ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการเป็นหนองขึ้น เวลาเป็นสิวหัวหนองเอามาแต้มที่สิวช่วยลดหนองได้เป็นอย่างดี การใช้ใบบัวบกเพื่อการรักษาสิวนั้นสามารถใช้ได้ทั้งกินและทาควบคู่กันไป มาดูสูตรรักษาสิวด้วยใบบัวบกกันดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง
น้ำใบบัวบก รักษาสิว
สูตรทำน้ำใบบัวบก ช่วยรักษาสิวจากภายใน
น้ำใบบัวบกนั้นจัดเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยแก้อาการช้ำใน อาการร้อนในได้เป็นอย่างดี โดยทางการแพทย์จีนบอกว่าสิวเกิดจากการที่ในร่างกายของเราร้อนเกินไป การดื่มน้ำใบบัวบกเข้าไปจะไปช่วยดับร้อนภายใน ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ส่งผลช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้ดีและยังช่วยให้เวลาที่เป็นสิว สิวจะหายได้เร็วมากยิ่งขึ้น
สูตร 3 ทหารเสือพอกหน้า (ใบบัวบก + ขมิ้นชัน + น้ำผึ้ง)
สูตรนี้เป็นสูตรพอกหน้าที่ใช้ลดการเกิดสิว ลดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหน้า เหมาะกับคนผิวแห้งเป็นอย่างมาก
แต่ผิวมันก็ใช้ได้เหมือนกัน วิธีทำก็เอาน้ำใบบัวบกที่คั้นออกมาได้จากสูตรข้างบน ผสมผงขมิ้นชันและน้ำผึ้งลงไปในอัตราส่วน
น้ำใบบัวบก 2 ช้อนโต๊ะ
ผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชา
น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
คนส่วนผสมทั้ง 3 ให้เข้ากัน จากนั้นก็เอาครีม 3 ทหารเสือที่ได้มาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยให้ริ้วรอยสิวดูจางลง และช่วยลดการเกิดสิวใหม่ ส่วนสิวที่ขึ้นก็จะแห้งเร็วและจะไม่ค่อยอักเสบ
สำหรับสูตรดื่มน้ำใบบัวบกนั้นสามารถดื่มได้ทุกวันตามความพอใจ อาจจะคั้นไว้เยอะๆแล้วแช่ตู้เย็นไว้ก็ได้สะดวกและช่วยให้ดื่มได้ง่ายขึ้น
ส่วนสูตรพอกหน้าด้วยใบบัวบกนั้นทำสัก 3 วันต่อสัปดาห์ก็พอ พอกบ่อยๆเดี๋ยวจะกลายเป็นไปรบกวนหน้ามากเกินไป หากใครสามารถใช้ใบบัวบกทั้งกินและทาไปพร้อมๆกันได้รับรองได้เลยว่าผิวหน้าจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สิวและรอยสิวก็จะจางลง แต่ต้องใช้เวลานานหน่อยนะอย่างน้อยๆก็ 3 เดือนกว่าจะเห็นผล ของธรรมชาติก็อย่างนี้แหละนานหน่อยแต่ว่าชัวร์ “ช้าแต่ชัวร์ ก็ยังดีกว่าเร็วแต่เสี่ยง
ข้อความระวังคำเตือนและคำแนะนำในการใช้สมุนไพรบัวบก
บัวบกไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องอืดบ่อยๆ
การรับประทานบัวบกในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้ธาตุในร่างกายเสียสมดุลได้ เพราะเป็นยาเย็นจัด แต่ถ้ารับประทานในขนาดที่พอดีแล้วจะไม่มีโทษต่อร่างกายและได้ประโยชน์สูงสุด
การดื่มน้ำบัวบกติดต่อกันทุกวันให้ดื่มแค่วันละประมาณ 50มิลลิลิตร